Works HyperBalde Premier หัวไม้พรีเมียมหน้าเด้ง ตีไกล

Works Hyperblade

Works HyperBalde Premier หัวไม้พรีเมียมหน้าเด้ง ตีไกล หัวไม้รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Works Golf Japan วัสดุที่ใช้ในการผลิตหน้าไม้เป็นไทเทเนียมมีความแข็งและบางเพียง 1.9 mm. หัวสีทองใช้วัสดุ DAT55G + ชุบทองเคลือบแข็ง ด้วยเทคโนโลยีหน้าไม้ที่ออกแบบใหม่ช่วยขยายหน้ากว้างและตีง่ายกว่ายี่ห้ออื่น  หน้าไม้มีความบางและเด้ง COR 0.86 (โดยค่าที่หน้าไม้ถูกกฎจะอยู่ที่ COR 0.83 ) บริเวณ Sole ด้านหลังถูกตัดออกเพื่อย้ายตำแหน่ง CG ให้ขยับเข้าไปด้านหน้าทำให้ลูกพุ่งออกจากหน้าไม้เร็วขึ้น มีสปินน้อยลูกตกแล้ววิ่งมากและให้มุมเหินที่สูงกว่าจึงทำให้ลอยได้นานจึงได้ระยะที่มากกว่าเดิม  ส่วนหมุดที่อยู่บริเวณด้านล่าง สามารถปรับเปลี่ยนวิถีลูกได้ จึงเป็นหัวไม้หน้าเด้งของทางญี่ปุ่นเจ้าแรกที่ใช้เทคโนโลยีนี้ จากการคำนวณหน้าไม้ที่บางลงทุก 0.01 สามารถเพิ่มระยะของหัวไม้ได้อีก 10 หลา เมื่อบางลงถึง 0.03 นั่นหมายความว่ามีระยะเพิ่มขึ้นอีกถึง 30 หลาขึ้นไป

หัวถูกออกแบบมาให้ตีง่าย กระดองด้านบนมีความหนาที่ค่อยๆ ไล่ความบางของผนังไปที่ละน้อย โดยเริ่มจากบริเวณคอไม้(heel ) 0.8mm,0.6mm,0.5mm,0.4mm เมื่อน้ำหนักที่ต่างกันจึงทำให้ CG ของหัวไม้อยู่ใกล้บริเวณคอไม้ หน้าไม้จะปิดได้เร็วขึ้นนั่นก็หมายความว่าจะช่วยให้นักกอล์ฟที่ตีลูกสไลด์จะตีได้ตรงมากขึ้นกว่าเดิม

Dual weight changer เป็นหมุดปรับน้ำหนักที่ให้มาในชุดที่ประกอบด้วย หมุดสีดำ 1 คู่ ที่มีน้ำหนัก ตัวละ 2.5 กรัม ใส่มาจากโรงงาน สีทอง 1 คู่ น้ำหนัก ตัวละ 5 กรัม ส่วนสีเงินจะมีน้ำหนักหมุดมากที่สุด 1 คู่ ตัวละ 7.5 กรัม ซึ่งหมุดเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนวิถีลูกได้ตามที่นักกอล์ฟต้องการ ไม่ว่าจะ Fade หรือ Draw โดยการใส่หมุดที่มีน้ำหนักมากกว่าในบริเวณคอไม้ก็จะทำให้หน้าไม้ปิดเร็วขึ้นหรือถ้าต้องการลูกให้ Fade ก็ใส่หมุดบริเวณปลายไม้

Works Golf เริ่มต้นธุรกิจในปี 1989 จากบริษัทเทรดดิ้งที่จำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟนำเข้า จนเมื่อทำมาถึงจุดเปลี่ยนจึงคิดและผลิตอุปกรณ์เป็นของตนเองให้มีความแตกต่าง จากคู่แข่ง เริ่มการผลิตและจำหน่ายไดร์ฟเวอร์ในปี 1993 การที่จะทำให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักกอล์ฟจำนวนมากคือการเข้าร่วมการแข่ง ขันตีไกลในประเทศญี่ปุ่น ในปีที่ประสบความสำเร็จและผูกขาดความสำเร็จมากที่สุดคือในปี 2008 ที่อันดับ 1 ทำระยะได้ถึง406 หลา ส่วนที่สองได้ระยะ 387 หลา แต่ที่ฮือฮามากที่สุดคือนักกอล์ฟที่ได้อันดับ 1เป็นนักกอล์ฟรุ่นอาวุโส จากนั้นหัวไม้จึงมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับเรื่องตีไกลในญี่ปุ่น Works Golf เป็นยี่ห้อพรีเมียมชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นมีสายการผลิตครบตั้งแต่ไดร์ฟเวอร์ จนถึงพัตต์เตอร์ ปัจจุบันนี้ก็มีเพียงไม่กี่บริษัทที่จะสามารถผลิตได้ครบตามสายการผลิต

Works HyperBalde Premier หัวไม้หน้าเด้งเพียงยี่ห้อเดียวในญี่ปุ่นที่สามารถปรับทิศทางและวิถีลูกได้ โดยมีหมุดปรับน้ำหนักมาให้โดยสีดำจะถูกใส่มาจากโรงงานที่มีน้ำหนัก 2.5 กรัมต่อชิ้น หมุดสีทองน้ำหนัก 5 กรัมต่อชิ้นและหมุดสีเงินจะมีน้ำหนักมากที่สุด 7.5 กรัมต่อชิ้น และมีตัวขันส่วนการปรับทิศทางสำหรับนักกอล์ฟที่ตีลูกสไลด์ ให้ใช้หมุดที่มีน้ำหนักมากกว่าใส่ใกล้บริเวณด้านในที่ติดกับก้าน ให้เริ่มจากน้ำหนักหมุดที่เบาที่สุดก่อน โดยหมุดที่เบากว่าจะต้องอยู่บริเวณด้านนอก ส่วนหมุดที่มีน้ำหนักมากกว่าอยู่บริเวณด้านในติดกับก้าน

รูปด้านบนผมได้ลองปรับเปลี่ยนหมุด จากสีดำที่ใส่มาจากโรงงานเปลี่ยนเป็นสีทองเพื่อต้องให้วิถีลูก Draw มากขึ้น ซึ่งหมายถึงทำให้หน้าปิดเร็วกว่าเดิม ป้องการลูกสไลด์ หัวไม้ที่ผมนำมาทดสอบนั้นเป็น Works HyperBalde Premie lolf 9.5 flex R ซึ่งมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 293 กรัม ความยาวก้าน 46 นิ้ว CPM 227 Swing weigh D0.9ุ หมุดสีดำทั้งคู่ พอเปลี่ยนเป็นหมุดสีทอง 1 ตัว บริเวณคอไม้ Swing weight เปลี่ยนไปเป็น D2.5

 

หลังจากนั้นก็ได้ทำการเปลี่ยนเป็นหมุดสีเงิน 1 ชิ้นที่บริเวณคอไม้เพื่อให้ลูก Draw มากขึ้นกว่าเดิม น้ำหนักรวมขึ้นไปเป็น 293+(7.5-2.5)= 298 กรัม CPM 223 ค่าความแข็งเปลี่ยนไป  4 CPM ซึ่งหมายความว่าก้านอ่อนลงไปอีกนิด ส่วน Swing weight เป็น D4.1

Work Tec Hisho Mitsubishi Rayon เป็นก้านที่ถูกเลือกใช้ในรุ่นนี้ Flex R มีน้ำหนักก้าน 55 กรัม Torque 5.3 Mid kick CPM 227  เป็นก้านที่ให้ฟิลลิ่งนุ่ม ตีง่าย มีน้ำหนักก้านปานกลางเหมาะสำหรับนักกอล์ฟทั่วไป จากประสบการณ์ก้านที่มีน้ำหนักราวๆ นี้จะเหมาะกับนักกอล์ฟที่สามารถตีเหล็ก 7 ที่อยู่่ในเกณฑ์ 145-160 หลา

การที่เลือก Flex R มาทดสอบนั้นเพราะผมไม่ได้ซ้อมมาอย่างยาวนาน ออกรอบเหลือปีละ 3 หน จากปกติ 10 ปีที่ผ่านมาเล่นอาทิตย์ละ 2-3 วัน ก็คิดว่าดูน่าจะเหมาะสมที่สุด เมื่อนำไปทดสอบโดยการออกรอบพร้อมกับก๊วนปืนใหญ่ สิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นก็คือผมพยายามที่จะทำให้ได้ระยะไกลมากสุด จนลืมไปว่าเทมโปรของตัวเองเปลี่ยนไป ลูกก็ไปหลายทิศทางจนมึนหัว พอเริ่มจับทิศทางได้ก็เป็นหลุมท้ายๆ แล้ว

ครั้งต่อมาก็ไปเล่นกับก๊วนเดิมที่เล่นกันมาเป็นสิบปีกว่า ทุกคนไดร์ฟกันสั้นกว่าผมทุกคน วันนั้นเป็นวันที่เล่นกอล์ฟง่ายที่สุดถึงแม้จะต่อให้ 3 รุม 1 ปรากฏว่าผมไดร์ฟได้ไกลกว่าทุกคนเหมือนเดิม แต่ที่แปลกใจกว่าคือสนามที่เคยเล่นอยู่เกือบประจำผมทำระยะได้ไกลกว่าเดิม ทั้งที่ใช้หัวไม้ไม่รู้กี่สิบหัวก็ยังไม่เคยได้ระยะเท่านี้มาก่อน

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าการไม่ได้ซ้อมนั้นหรือซ้อมไม่ถึงจะทำให้เทมโปรหรือจังหวะการตีเปลี่ยนไป ผมเป็นนักกอล์ฟประเภทฮิตเตอร์ คือขึ้นเร็วลงเร็ว จึงต้องปรับจังหวะการตีให้ช้าลงซึ่งจะเห็นผลมากในหัวไม้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าควรจะตียังไง ระยะทางที่ไกลไม่ใช่เป้าหมาย สิ่งที่นึกก็คือขึ้นวงสวิงให้ช้าๆ เห็นหน้าไม้ปะทะลูก ส้นเท้าขวาอยู่ติดพื้นให้นานที่สุดเพื่อป้องกันไม่แกนลำตัวถลำไปด้านหน้า เพียงเท่านี้ก็จะทำให้หน้าไม้ปะทะลูกได้เต็มๆ

วิถีลูกที่ออกจากหน้าไม้ค่อนข้างพุ่ง ตกแล้ววิ่งกว่า เมื่อเทียบกับ Works Wild Maximax Premier Review ในองศาเดียวกัน เป็นหัวไม้ที่ตีง่ายทั้งคู่ขึ้นอยู่กับต้องการหัวไม้ที่มีลูกเล่นปรับได้ความต้องการหรือแค่หัวไม้ตีแล้วไม่ต้องคิดอะไรมากลูกลอยไปไกล

เมื่อเทียบกับหัวไม้ทางฝั่ง US. หัวไม้ของทางญี่ปุ่นจะได้เปรียบตรงที่น้ำหนักรวมที่เบากว่าถึง 20-30 กรัม เนื้องานจะปราณีตและดูสวยงามมากกว่า หัวไม้หน้าเด้งหน้าปิดทุกยี่ห้อ ยกเว้นบางยี่ห้อที่มีการสั่งพิเศษ การที่ผลิตหัวไม้หน้าปิดนั้นจะเป็นหัวไม้ที่ตีง่าย ถ้าท่านนักกกอล์ฟต้องการระยะที่ไกล หัวไม้หน้าเด้งคือคำตอบสุดท้ายครับ

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องของระยะที่เพิ่มขึ้นของไดร์ฟเวอร์

*ถ้าความยาวก้านเพิ่มขึ้น 1 นิ้ว ทำให้ได้ความเร็วหัวไม้เพิ่ม 4 mph

**ความเร็วหัวไม้ที่เพิ่มขึ้นทุก 1 mph จะทำให้ได้ระยะเพิ่มขึ้น 2.8 หลา (แครี่)

***น้ำหนักรวมไดร์ฟเวอร์ลดลง 20-25 กรัม ความเร็วหัวไม้จะเพิ่มขึ้น 2-3 mph

 

Kasemsuk Jarungtreeratana

Golf Instructor, Professional Golf Association of Thailand

Reviewer